Bangkok Hospital Ratchasima

E.R.C.P คืออะไร ?

 

       การส่องกล้องตรวจรักษาทางเดินน้ำดีและตับอ่อน เป็นการส่องกล้องผ่านเข้าไปทางปากหลอดอาหารกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น ไปจนถึงรูเปิดของท่อน้ำดี โดยแพทย์จะทำการฉีดสารทึบแสงเข้าไปในท่อน้ำดีหรือท่อตับอ่อน และเอ๊กซเรย์ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของท่อน้ำดีและท่อตับอ่อน รวมถึงทำการรักษาภาวะท่อน้ำดีหรือท่อตับอ่อนอุดตันจากสาเหตุต่างๆ เช่น นิ่ว หรือ เนื้องอก เป็นต้น

ประโยชน์ที่ได้รับ

     ERCP มีประโยชน์ในการช่วยวินิจฉัย และรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบท่อน้ำดีและตับอ่อน เช่น ถ้ามีการอุดตันในท่อน้ำดีจากก้อนนิ่ว เนื้องอก พังผืด หรือเกิดการตีบแคบของท่อน้ำดีเนื่องจากสาเหตุอื่นๆ หรือมีการอุดตันของท่อตับอ่อนเนื่องจากนิ่ว เนื่องอก โดยเฉพาะในกรณีที่มีตับอ่อนอักเสบเนื่องจากนิ่วในท่อน้ำดีอุดตันที่บริเวณรูเปิดร่วมของท่อน้ำดีและท่อตับอ่อน

บุคคลใดบ้างที่ควรได้รับการตรวจส่องกล้องท่อน้ำดีและตับอ่อน ?

1. ผู้ป่วยที่มีอาการตา ตัวเหลือง และตรวจพบหรือสงสัยว่ามีนิ่วในท่อน้ำดี หรือในท่อตับอ่อน
2.
ผู้ที่ตรวจพบว่ามีความผิดปกติของท่อน้ำดี และตับอ่อน เช่น รั่ว ตีบ หรือพบมีเนื้องอก เป็นต้น
3. ผู้ที่มีความผิดปกติบริเวณรูเปิดของท่อน้ำดี ซึ่งอาจเกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณรูเปิดผิดปกติ (Sphincter of Oddi dysfuction: SOD) หรือมีเนื้องอกบริเวณรูเปิดท่อน้ำดี

ความเสี่ยง และผลข้างเคียง

1. ความเสี่ยงทั่วไป

    • เจ็บคอ สาเหตุจากการเสียดสีของกล้อง

    • คอชา เกิดจากยาชาเฉพาะที่

    • ท้องอืด อาการนี้เกิดขึ้นได้บ่อยเนื่องจากแพทย์ต้องเป่าลมเข้ากระเพาะอาหารและลำไส้ขณะทำการส่องกล้อง แต่ อาการนี้เกิดขึ้นชั่วคราวอาการจะดีขึ้น เมื่อร่างการขับลมออกมา

      2. ความเสี่ยงเฉพาะ

– ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน หลังส่องกล้อง 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และมีเอ็นไซน์ของตับอ่อนสูง โอกาสเกิดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันประมาณ 3-5 % ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือผู้ป่วยหญิง และผู้ป่วยที่มีอายุน้อย

– ลำไส้เล็กส่วนต้นทะลุ โอกาสเกิดความเสียง 1% ภาวะเลือดออกในลำไส้เล็กส่วนต้น เนื่องจากมีการตัดทางเปิดของท่อน้ำดี

– ภาวะเลือดออกอาจเกิดขึ้นทันที หรือเกิดขึ้นหลัง 24 ชั่วโมงหลังส่องกล้อง ผู้ป่วยที่รับประทานยาในกลุ่มละลายลิ้มเลือดจะเพิ่มภาวะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกในลำไส้เล็กส่วนต้น โอกาสเกิดภาวะเลือดออกในลำไส้เล็กส่วนต้นประมาณ 2.5 -5%

– ติดเชื้อหลังส่องกล้อง ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดท้อง มีไข้ ส่วนใหญ่จะเกิดในผู้ป่วยที่มีภาวะลำไส้อุดตันของท่อน้ำดี และความระบายน้ำดีเท่าที่ควร และสามารถเกิดภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ 5 -10% โดยปกติจะมีการให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อก่อนทำการส่องกล้อง ซึ่งสามารถลดภาวการณ์ติดเชื้อได้อย่างมาก

การปฏิบัติตัวก่อนการรักษา

1. ผู้ป่วยต้องได้ปรึกษากับแพทย์เรื่องโรคประจำตัว เช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคหอบหืดเป็นต้น เพื่อแพทย์จะได้วางแผนการรักษาผู้ป่วย

2. ต้องแจ้งให้แพทย์เรื่องประวัติการแพ้ยา อาหารทะเล หรือสารทึบแสงรังสี ซึ่งผู้ป่วยแพ้อาหาร หรือสารทึบสี ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้สารทึบสีชนิดพิเศษ

3. กรณีผู้ป่วยที่มียาที่ใช้โรคประตัวเฉพาะกลุ่มยาละลายลิ่มเลือดต้องปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ผู้สั่งยาเพื่อพิจารณาใช้หรือหยุดยาก่อนทำการตรวจรักษา เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกง่าย

4. งดน้ำ และอาหารก่อนเวลาตรวจ อย่างน้อย 6 -8ชั่วโมง (กรณีต้องทำตอนบ่ายให้รับประทานอาหารเหลว เวลา6.00น และจึงงดอาหารและน้ำ)

5. ในกรณีที่ผู้ป่วยสวมฟันปลอมชนิดทั้งชุดหรือชนิดแน่นบางส่วนให้ถอนออกทุกครั้ง ก่อนทำการส่องกล้อง หรือในกรณีผู้ป่วยมีฟันโยก กรุณาแจ้งแพทย์เจ้าของไข้เพื่อพิจารณาถอนฟันก่อนการส่องกล้องเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการหลุดของฟัน

6. ควรมีญาติสายตรงมาด้วยทุกครั้ง เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่สามารถเซ็นใบยินยอม ไม่สามารถรับคำแนะนำจากแพทย์ หรือแพทย์ต้องการสอบถามอาการของผู้ป่วยจากญาติผู้ป่วยโดยตรง

  1.  

การปฏิบัติตัวหลังการรักษา

1. ผู้ป่วยทุกรายจำเป็นต้องเข้าพักในโรงพยาบาลต่อหลังจากทำหัตถการอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เพื่อสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ปวดแน่นท้องมาก คลื่นไส้อาเจียนหรือมีไข้สูงหลังจากทำหัตถการ

2. ให้ผู้ป่วยนอนพักบนเตียงประมาณ60นาที หรือจนกว่าจะตื่นดี จึงสามารถกลับห้องพักได้

3. โดยทั่วไปจะมีการงดน้ำ และอาหารหลังทำการส่องกล้องตรวจท่อน้ำดีและท่อตับอ่อนอย่างน้อย 6-8ชั่วโมง หรือจนกว่าแพทย์จะแน่ใจว่าผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน หรือภาวะติดเชื้อในท่อน้ำดี โดยจะเริ่มจากให้จิบน้ำ ถ้าไม่มีอาการปวดท้องจะเริ่มให้ทานอาหารต่อไปตามลำดับ

4. ผู้ป่วยควรมาพบแพทย์ ตามนัดโดยเฉพาะในรายที่มีการส่งชิ้นเนื้อตรวจ เพื่อฟังผลชิ้นเนื้อ

ข้อมูลติดต่อ

โทร. 044-015-999 หรือ โทร. 1719

วันและเวลาทำการ วันจันทร์วันอาทิตย์ เวลา 08.00-20.00 .
สถานที่ตั้ง ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ ชั้น โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา