กระดูกไหปลาร้าเป็นกระดูกที่อยู่ด้านบนของทรวงอกแต่ละด้าน ความยาวเริ่มตั้งต้นจากกระดูกสันอกจนถึงกระดูกปลายไหล่ ลักษณะของกระดูกและตำแหน่งของกระดูกไหปลาร้าทำให้มีโอกาสหักได้บ่อย
สาเหตุของไหปลาร้าหักที่พบได้บ่อย คือ ล้มและไหล่กระแทกพื้น
ทำได้โดยการซักประวัติ (มีอาการปวด ไม่มีแรงยกไหล่–ต้นแขน) ตรวจร่างกาย (แผลถลอก ฟกช้ำม่วงเขียว ไหล่ตก มีความรู้สึกกึกกักบริเวณที่หัก) และการตรวจด้วยภาพรังสีเอกซเรย์ แนะนำให้ตรวจด้วยภาพ 2 มุมมองคือ
1. การรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัด กระดูกไหปลาร้าหักส่วนมากสามารถรักษาได้ด้วยวิธีนี้
ข้อบ่งชี้ของการรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัด
รูปแบบของการรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัด
ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัด
ข้อด้อย/ภาวะแทรกซ้อนของการรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัด
ปกติจะใช้กายอุปกรณ์อยู่ประมาณ 3-6 สัปดาห์ขึ้นกับอาการและผลเอกซเรย์
2. การผ่าตัด เป็นวิธีที่แนะนำให้คนไข้ที่มีโอกาสกระดูกติดช้าหรือไม่ติดสูง
ข้อบ่งชี้
เกี่ยวกับลักษณะการหัก
1. มีกระดูกห่างกันเกิน 2 ซม.
2. มีการหดสั้น(เหลื่อมซ้อนกัน)เกิน 2 ซม.
3. มีชิ้นกระดูกมากกว่า 3 ชิ้น
4. มีกระดูกหักหลายตำแหน่งในไหปลาร้า 1 ชิ้น
5. กระดูกไหปลาร้าหักแบบเปิด
6. หักและมีการโก่งขึ้นมากดผิวหนังจนมีโอกาสสูงที่จะเกิดแผลกดทับจากภายในทะลุออกมาและนำไปสู่ภาวะติดเชื้อ
7. มีการผิดรูปอย่างชัดเจน
เกี่ยวกับการบาดเจ็บร่วม
1. การบาดเจ็บของเส้นเลือดที่ต้องการการผ่าตัดแก้ไข
2. มีความเสียหายของเส้นประสาทเกิดขึ้นและอาการแย่ลง
3. มีรยางค์บนฝั่งเดียวกัน (กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นตั้งแต่ไหล่จนถึงมือ)หัก/บาดเจ็บร่วม
4. มีกระดูกซี่โครงซี่บนๆฝั่งเดียวกันหักร่วม
5. ไหปลาร้าหักทั้งสองข้าง(ซ้าย-ขวา)
ปัจจัยของตัวผู้ป่วย
1. ผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบที่ต้องการใช้รยางค์บนเพื่อพาลุก เดิน ยืน ด้วยไม้เท้า
2. ผู้ป่วยที่มีความต้องการกลับไปใช้งานอย่างเร่งด่วน เช่น นักกีฬาอาชีพ หรือผู้ประกอบกิจการส่วนตัว
วิธีผ่าตัด
1. เปิดผิวหนังแบบยาว 1 แผลตามแนวกระดูกเพื่อจัดกระดูกและยึดตรึงภายในกระดูกด้วยแผ่นเหล็กและสกรู
2. เปิดผิวหนังแบบแผลเล็ก 2-3 แผลเพื่อจัดกระดูกและยึดตรึงภายกระดูกด้วยแผ่นเหล็กและสกรู
3. ใส่เหล็กแท่งภายในโพรงกระดูกเพื่อยึดตรึงภายใน
ข้อดีของการผ่าตัด
1. มีโอกาสสูงมากที่จะได้รูปทรงของกระดูกเหมือนก่อนหัก
2. ได้ทำกายภาพเร็วกว่าการไม่ผ่าตัด กลับไปใช้งานได้เร็วกว่า (ในระยะยาวการใช้งานอาจไม่ต่างจากกลุ่มไม่ผ่าตัด) ลดโอกาสข้อไหล่ติดยึด
ผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดรักษากระดูกไหปลาร้าหัก
1. การติดเชื้อ
2. เห็นแผ่นเหล็กตุงอยู่ใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะคนที่รูปร่างผอม
3. แผลเป็นที่ไม่สวยงาม และเจ็บปวดบริเวณแผลเป็นโดยเฉพาะการมีแรงกดที่แผลแรงๆซ้ำๆเช่นสะพายกระเป๋าหนักๆ โดยอย่างยิ่งกรณีที่มีเส้นประสาทเป็นผังผืดอยู่ภายในแผล
4. การบาดเจ็บต่อเส้นเลือด/เส้นประสาท เช่น มีอาการชาผิวหนังใต้ต่อแผลผ่าตัดเนื่องจากแนวแผลผ่านเส้นประสาทฝอยใต้ผิวหนัง
5. บางครั้งการผ่าตัดอาจไม่สามารถนำกระดูกกลับมาอยู่ในรูปเดิมได้ 100 % โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีกระดูกแตกหลายชิ้นและผ่าตัดผ่านแผลเล็ก
6. บางครั้งแม้ผู้ป่วยจะรับการรักษาด้วยการผ่าตัด บางครั้งพบว่ายังเกิดภาวะกระดูกติดช้าหรือกระดูกไม่ติดได้ ขึ้นอยู่กับสภาวะของผู้ป่วย (เช่น การสูบบุหรี่) ลักษณะของการหัก (หักแบบเปิดเพิ่มโอกาสกระดูกติดช้าหรือไม่ติด) และเทคนิคการผ่าตัดของแพทย์ผู้รักษา
7. การผ่าตัดในอนาคต เช่น การเอาเหล็กดามภายในออก การรักษากระดูกติดช้าหรือไม่ติด การรักษาการติดเชื้อ
หมายเหตุ : ข้อ 3 และ ข้อ 4 การผ่าตัดแบบแผลเล็ก 2-3 แผล จะมีโอกาสน้อยกว่าการผ่าตัดแบบแผลยาว 1 แผล
การดูแลผู้ป่วยกลุ่มที่รักษาด้วยการไม่ผ่าตัด
กิจวัตรประจำวัน
การนอนหลับ นอนหงายหรือตะแคงไปฝั่งที่ไม่หัก โดยใส่ที่คล้องแขนไว้ สอดหมอนไว้บนหน้าอกหรือใต้ศอกเพื่อประคองฝั่งที่หักในท่าที่คนไข้สบาย ผู้ป่วยบางคนพบว่าตัวเองหลับสบายในท่านั่งหรือกึ่งนั่งกึ่งนอน
การอาบน้ำ ผู้ป่วยที่ใส่กายอุปกรณ์รูปเลข 8 ต้องงดอาบน้ำ(ใช้วิธีเช็ดตัว)จนแพทย์อนุญาตให้ถอดตอนอาบน้ำได้(ส่วนมากหลักจากผ่านไป 1-3 สัปดาห์) ผู้ป่วยที่ใส่คล้องแขนมักจะอาบน้ำได้เลยขณะคล้องผ้าคล้องแขนซึ่งจะแห้งได้ในเวลาอันสั้น ฟองน้ำติดปลายไม้ช่วยให้เช็ดหลังและขาได้ง่ายยิ่งขึ้น
การแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าหลวมๆและเป็นเสื้อมีกระดุม กลัดและเกาะกระดุมด้วยมือฝั่งที่กระดูกไม่หัก เวลาใส่เสื้อใส่แขนเสื้อในฝั่งที่หักก่อน เวลาถอดเสื้อถอดแขนเสื้อฝั่งที่ไม่หักก่อน
การออกกำลังกาย
ใส่คล้องแขนจนผู้ป่วยปวดน้อยลง และ/หรือเริ่มเห็นหลักฐานของการเริ่มมีการสมานตัวของกระดูกจึงเริ่มขยับไหล่ เพื่อให้ได้พิสัย(การเคลื่อนไหว)ของข้อ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการทำงานของมือและแขน
ไม่ให้ใช้มือฝั่งที่หักยกของเป็นเวลา 6 สัปดาห์หรือผลเอกซเรย์แสดงหลักฐานของการติดสมานบางส่วนแล้ว การออกกำลังกายชนิดมีแรงต้าน(เช่น การยกของ การยกลูกน้ำหนัก) จึงมักจะเริ่มได้หลังจากหักเป็นเวลา 6 สัปดาห์
การออกกำลังกายหรือทำงานที่มีแรงกระทำต่อแขนค่อนข้างมากต้องงดเว้นจนกว่ามีหลักฐานของการยึดติดสมบูรณ์จากการประวัติ/ตรวจร่างกายและภาพเอกซเรย์ ปกติกระดูกไหปลาร้าใช้เวลาสมานประมาณ 8-12 สัปดาห์
การรักษากระดูกไหปลาร้าหักแบบไม่ผ่าตัดมีอยู่ 4 ระยะ
ระยะที่ 1 : วันแรกถึง 3 สัปดาห์ เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเพื่อลดบวมซึ่งจะช่วยป้องกันข้อไหล่ติดยึด แนะนำให้ออกกำลังกายดังต่อไปนี้ – งอและเหยียดศอก – กำและแบมือ – บีบลูกบอลขนาดเล็กเบาๆซ้ำๆ – กระดกข้อมือขึ้นลงและหมุนเป็นวงกลม – หงายและคว่ำฝ่ามือ – ออกแรงให้สะบักขยับเข้าหากันเบาๆ
ระยะที่ 2 : 3 สัปดาห์ถึง 6 สัปดาห์หลังการหัก เริ่มออกกำลังกายขยับไหล่แบบลูกตุ้มนาฬิการเมื่ออาการปวดเริ่มลดลง ต่อมาเริ่มเพิ่มการขยับไหล่ด้วยผู้อื่นขยับให้(Passive)และผู้ป่วยออกแรงช่วย(assisted)
ระยะที่ 3 : 6 สัปดาห์ถึง 12 สัปดาห์หลังการบาดเจ็บ
เมื่อพบว่ากระดูกเริ่มติดสมานจากการตรวจร่างกายและเอกซเรย์ แพทย์จะอนุญาติให้ผู้ป่วยสามารถยกของเบาๆและเพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละน้อย การกลับไปทำกิจกรรมตามปกติจะทำได้เมื่อกระดูกติดสมานเต็มที่และกล้ามเนื้อของไหล่และแขนฝั่งนั้นแข็งแรงเต็มที่ซึ่งปกติใช้เวลาประมาณ 6 เดือนหลังเกิดการหัก อาจจะเร็วกว่าหรือช้ากว่านั้นขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพของคนไข้, ความคืบหน้าของการสมานของกระดูกและการตอบสนองต่อการกายภาพบำบัด
ถ้าพบว่าไม่มีความคืบหน้าของการสมานของกระดูกที่ 3 เดือน แพทย์จะแจ้งว่ากระดูกติดช้า และถ้าครบ 9 เดือนกระดูกไม่ติดสมานแนะนำให้รับการผ่าตัดเพื่อให้กระดูกติด
การดูแลผู้ป่วยกลุ่มที่รักษาด้วยการผ่าตัด
ในกลุ่มที่ผ่าตัดแนะนำให้ใส่คล้องแขนไว้ 1-2 สัปดาห์เพื่อลดการอักเสบของแผลผ่าตัด และเริ่มเคลื่อนไหวและรับน้ำหนักได้เร็วกว่ากลุ่มไม่ผ่าตัด
โดยนพ.อนุวัฒน์ ขัดสงคราม แพทย์ศัลยกรรมกระดูกด้านอุบัติเหตุ และทีมเจ้าหน้าที่รพ.กรุงเทพราชสีมา
โทร. 044-015-999 หรือ โทร. 1719